ทำอย่างไรได้บ้างเมื่อไม่มีเงินจ่ายเบี้ยประกัน
ในตอนนี้แม่ว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวแล้ว แต่มีหลาย ๆ คนที่เศรษฐกิจการเงินกลับมาดีได้อย่างเมื่อก่อน ทุก ๆ คนล้วนมีค่าใช้จ่าย บางอย่างตัดได้เราก็จำเป็นต้องตัด แล้วประกันชีวิตควรตัดไหม
การยกเลิกกรมธรรม์ เป็นทางเลือกหนึ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่มีวิธีที่เราลดค่าใช้จ่ายเบี้ยประกันลงได้ ซึ่งจะไม่เจ็บตัวมากหรืออาจยังได้ระดับความคุ้มครองที่ดีอยู่ แต่ถ้าเรายกเลิกกรมธรรม์ไปเลย ความคุ้มครองก็จะสิ้นสุด แล้วมีวิธีลดเบี้ยประกันอย่างไรบ้าง
1. การปรับระยะเวลาคุ้มครอง หรือ สิทธิ์การขยายเวลาคุ้มครอง
จะเป็นการหยุดจ่ายเบี้ยประกันช่วงเวลานั้น แต่ก็ยังได้รับความคุ้มครองเหมือนเดิม เช่น ขอให้คุ้มครองถึงแค่ปีนี้เท่านั้น ปีหน้าค่อยดูกันอีกที ซึ่งข้อดีจากการปรับระยะเวลาคุ้มครองนอกจากได้ระยะเวลาคุ้มครองเท่าเดิมแล้ว บางทีหากเราชำระเบี้ยประกันถึงระยะเวลาหนึ่ง ก็อาจได้เงินคืนจากการลงทุนในประกันชีวิตออมทรัพย์ด้วย
2. การลดความคุ้มครอง หรือ สิทธิ์การใช้มูลค่าเงินสำเร็จ
การลดความคุ้มครองเหมือนกับการชำระเบี้ยประกันไปในตัว แต่เป็นการลดแบบมีลำดับขั้น มีอัตราการชำระเบี้ยประกันและอัตราการคุ้มครองที่เปลี่ยนแปลงตามสูตรของการคำนวนเบี้ยประกัน ซึ่งหลังจากที่แจ้งแล้วก็จะมีการคำนวนใหม่ ทั่วไปแล้ว สามารถใช้สิทธิ์ลดความคุ้มครองได้ตั้งแต่ปีแรก ๆ แต่ความคุ้มครองนั้นก็จะลดลงอย่างมาก เบื้องต้นลองปรึกษาตัวแทนที่ดูแลลูกค้าอยู่จะเป็นการดีที่สุด
3. การเวนคืนกรมธรรม์ หรือ สิทธิ์การเวนคืนมูลค่าเงินสดกรมธรรม์
คือการหยุดจ่ายเบี้ย หยุดความคุ้มครองทุกอย่าง หรือปิดเล่มกรมธรรม์ไปเลย อาจจะมีการได้เงินคืนบ้างหรือมีข้อเสนออื่น ๆ จากบริษัท อาจเป็นการลดความคุ้มครอง หรือปรับระยะเวลาคุ้มครองก็ได้ ตามแต่ข้อเสนอของแต่ละบริษัท ณ. เวลานั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเราจ่ายเบี้ยประกันไปเยอะแค่ไหน หรือจ่ายไปนานเป็นระยะเวลาเท่าไหร่
ส่วนมากบริษัทประกันไม่อยากให้เรายกเลิกกรมธรรม์ ซึ่งหากยกเลิกความคุ้มครองก็จะยกเลิกตาม เป็นผลเสียทั้งสองฝ่าย บริษัทประกันจะสูญเสียลูกค้า และลูกค้าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็อาจจะไม่คุ้มครองซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดาย
เบื้องต้นหากเราไม่มีเงินจ่ายค่าประกันจริง ๆ ควรปรึกษาตัวแทนประกันที่ดูแลลูกค้าก่อนเสมอ ดีกว่าที่จะหยุดส่งเบี้ยประกันไปเลย ทางตัวแทนจะมีทางเลือกให้ลูกค้า จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด บางทีอาจมีทางเลือกมากกว่านี้ก็ได้
