6 โรคยอดฮิตหน้าหนาว

6 โรคยอดฮิตในเด็กหน้าหนาว

จากอากาศที่เย็นลง ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ง่ายกับเด็กและผู้สูงอายุ โรคที่สามารถพบบ่อย ๆ ได้ในหน้าหนาวมีดังนี้

1. ไข้หวัด 

คือโรคไข้หวัดธรรมดา เป็นได้เกือบทุกฤดู แต่เมื่อเข้าหน้าหนาวเป็นได้ง่ายกว่าปกติถึง 2 เท่า

อาการ

คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอจาม คันคอ ไม่มีไข้ และไม่ปวดกล้ามเนื้อ ไข้หวัดธรรมดาสาเหตุเกิดจากไวรัสที่มีมากกว่า 100 สายพันธ์ โดยอาการของโรคจะเกิดแตกต่างกันไปตามเชื้อไวรัสแต่ละชนิด ตามปกติไข้หวัดสามารถหายเองได้ภายใน 1 สัปดาห์ แต่เป็นโรคที่ผู้ป่วยมาพบแพทย์มากที่สุด ค่าเฉลี่ยเด็กจะเป็นไข้หวัด 6-12 ครั้งต่อปี โดยประมาณ ผู้ใหญ่จะเป็น 2-4 ครั้งต่อปี โรคหวัดยังไม่วัคซีนป้องกัน การป้องกันคือ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ควรคลุกคลีกับคนที่ป่วย

2. ไข้หวัดใหญ่

เป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดืนหายใจเฉียบพลัน ทำให้เกิดอาการรุนแรง ส่วนมากที่พบการระบาดจะเป็นสายพันธุ์ A และสายพันธุ์ B 

อาการ

มีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา ไข้สูง ปวดหัวมาก ปวกเมื่อยตามตัว คลื่นไว้ อาเจียน ระบาดมากในฤดูฝนและฤดูหนาว มักเป็นในกลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และวัยทำงาน ไข้หวัดใหญ่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน และต้องฉีดทุกปี เนื่องจากไวรัสสามารถเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ใหม่ตลอด และภูมิคุ้มกันจากวัคซีนเดิมจะลดลงจนไม่สามารถป้องกันโรคได้

3. โรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ

เกิดจากเชื่อไวรัส หรือแบคทีเรีย ทำให้เกิดการอีกเสบ จนมีหนองและสารน้ำในถุงลม ทำให้ร่างกายไม่สามารถรับออกซิเจนได้ 

อาการ

ไข้ ไอ เสมหะมาก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หอบ ส่วนใหญ่มักเกิดหลังจากที่เป็นไข้หวัดเรื้อรัง หลอดลมอักเสบ โดยเฉพาะคนที่เป็นหอบหืด รายที่รุนแรงมากอาจเเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว โดยมากมักพบโรคนี้ในฤดูฝน และฤดูหนาว โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ควรได้รับวัคซีนป้องกันปอดบวม

4. โรคหัด

เป็นโรคติดต่อเกิดจากเชื้อไวรัส รูบีโอราไวรัส พบมากในน้ำลายผู้เป็นโรค ติดต่อง่าย สามารถติดต่อได้ทางลมหายใจ ไอจามรดกันโดยตรง หรือหายใจเอาละอองเสมหะที่ลอบอยู่ในอากาศ พบบ่อยในเด้กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ไม่ใช่โรคร้ายแรงนัก แต่ยังไม่มียารักษาโดยตรง

อาการ

เริ่มแรกจะคล้ายหวัดธรรมดา ซึ่งเราจะไม่ทราบว่าเด็กป่วยเป็นโรคหัดจนมีอาการมากขึ้น มีไข้สูง ตาแดง แสบตาเมื่อโนแสง ไอและมีน้ำมูกมาก มีไข้สูง 3-4 วันในเด็ก หลังจากนั้นจะมีผื่นขึ้นที่หลังหูแล้วลามไปหน้าและร่างกาย ผื่นจะใหญ่ขึ้นและสีเข้มขึ้น พอผื่นออก 1-2 วันอาการจะดีขึ้น โรคหัดมักระบาดช่วงปลายฤดูหนาวต่อกับฤดูร้อน  ประมาณเดือนมกราคม – มีนาคม ส่วนใหญ่พบในเด็กก่อนวัยเรียนและวัยเรียน อายุ 5- 9 ปี ไม่ค่อยพบในเด็กที่อายุต่ำกว่า 8 เดือน ปัจจุบันสามารถป้องกันได้โดยฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นวัคซีนรวม ป้องกันหัด หัดเยอรมัน และ คางทูม ฉีด 2 ครั้ง ครั้งแรกอายุ 9-12 เดือน ครั้งที่สองตอนอายุ 6 ขวบ

5. โรคอีสุกอีใส

เกิดจากไวรัส Varicella ซึ่งเป็นเชื้อตัวเดียวกับโรคงูสวัด ติดต่อได้โดยการสัมผัสถูกตุ่มน้ำโดยตรง หรือวัตถุที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่งจากตุ่มน้ำของผู้ป่วย หรือหายใจเอาละอองของตุ่มน้ำเข้าไป 

อาการ

ไข้ต่ำ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร มีไข้สูงในผู้ใหญ่ ปวดเมื่อยตามตัว ผื่นจะขึ้นพร้อม ๆ กับวันที่มีไข้ เริ่มแรกจะมีผื่นแดงราบ ต่อมาตุ่มจะนูน มีน้ำใส ๆ อยู่ข้างใน คัน ต่อมาจะกลายเป็นหนอง ผื่น ตุ่มของโรคนี้จะ ทะยอยขึ้น ไม่ขึ้นพร้อมกันทั่วตัว พบได้ประปรายตลอดปี แต่จะพบมากช่วงปลายฤดูหนาวต้นฤดูร้อน พบมากในวัยเรียน อายุ 5-9 ปี โรคนี้ติดต่อได้ง่าย จากการสัมผัส สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน ซึ่งจะฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 3 เดือน ฉีดได้ในเด็กตั้งแต่อายุ 1 ปี ขึ้นไป และฉีดซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุ 4-6 ขวบ คนที่เป็นโรคนี้แล้วจะมีภูมิต้านทานโรคนี้ได้ตลอดชีวิต

6. โรคอุจจาระร่วง

เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น โรต้าไวรัส มักเกิดกับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี

อาการ

 ถ่ายเหลว ก้นแดง อาเจียน กินได้น้อย ไข้สูง อ่อนเพลีย รักษาได้โดยการ ให้จิบน้ำเกลือแร่ เพื่อทดแทนการเสียน้ำ หากกินไม่ได้และมีอาการขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ตาโหล กระหายน้ำ ควรรีบพบแพทย์เพื่อให้สารน้ำทางเส้นเลือด สามารถป้องกันได้โดยการล้างมือบ่อย ๆ ก่อนและหลังรับประทานอาหาร ทำความสะอาดสถานที่และของเล่นบ่อย ๆ ในเด็กก่อนอายุ 4 เดือน มีวัคซีนป้องกันไวรัสโรต้าชนิดหยอด 

ทั้ง 6 โรคนี้มักระบาดในฤดูหนาว เพราะติดต่อได้ง่าย ควรดูแลร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังสม่ำเสมอ รักษาความสะอาด ล้างมือบ่อย โรคติดต่อหรือติดเชื้อหลายโรคในปัจจุบันสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน มีความคุ้มค่ามากกว่าปล่อยให้บุตรหลานลูกน้อยของคุณต้องเสี่ยงต่อการเป็นโรค

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง