ไข้เลือดออกในเด็ก
“โรคไข้เลือดออก” มีมานานและในปัจจุบันยังไม่มียารักษาและยังพบการระบาดอยู่เป็นระยะในอดีตเด็กมักเป็นไข้เลือดออกกันมาก แต่ปัจจุบันพบว่าผู้ใหญ่ก็เป็นโรคนี้กันเยอะ มียุงลายตัวเมียเป็นพาหะนำโรค
สาเหตุของโรคไข้เลือดออก
ไข้เลือดออกเกิดจากไวรัส “ไวรัสแดงกี” เชื้อไวรัสนี้ติดต่อสู่คนที่ถูกยุงลายกัด ซึ่งมีทั้งยุงลายบ้าน เป็นพาหะนำโรคในเมืองมักกัดคนในช่วงเวลากลางวัน และยุงลายสวน ซึ่งอยู่นอกบ้าน ไวรัสแดงกีมีระยะฟักตัวในยุง 8-10 วัน หลังจากที่คนถูกยุงลายกัดโดยทั่วไปจะมีระยะฟักตัวประมาณ 5-8 วัน ไวรัสแดงกีจะไม่ติดต่อจากคนสู่คน ติดต่อกันโดยมียุงลายเป็นตัวนำโรค
เชื่อไวรัสแดงกี
เชื่อไวรัสแดงกี มี 4 ชนิด คือ ไวรัสแดงกี 1, 2, 3, 4 หลังจากเป็นไข้เลือดออกแล้วจะมีภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสแดงกีนั้น ๆ ไปตลอด แต่จะมีเชื้อภูมิคุ้มกันต่อเชื้อแดงกีเชื้ออื่น ๆ ในช่วงสั้น ๆ ระยะหนึ่ง ประมาณ 6-12 เดือน หลังจากนั้นสามารถติดเชื้อชนิดอื่นได้อีก หากเคยเป็นโรคไข้เลือดออกแล้ว ก็สามารถเป็นอีกได้ ในพื้นที่บางแห่งอาจมีผู้ติดเชื้อ มีการติดเชื้อ 3-4 ครั้งได้ อายุผู้ป่วยไข้เลือดออกมากที่สุดคือ 15-44 ปี รองลงมาคือ 10-14 ปี
อาการของโรคไข้เลือดออก
ไข้เลือดออกอาจมีอาการไข้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว 39-40 องศา เกิน 2 วัน หรือมีอาการร่วมด้วย คือ
- เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
- ปัสสาวะสีเข้ม
- อุจจาระสีดำ
- ปวดท้องบริเวณใต้ชายโครงขวา
- ปวดตามตัว กระบอกตา ศีรษะ
- มีผื่นแดง
- มีเลือดออกผิดปกติ ตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล หรือตามระบบทางเดินอาหาร
- มักไม่มีอาการไอหรือน้ำมูก
ระยะของโรคไข้เลือดออก
- ระยะแรกระยะไข้ขึ้นสูง จะเป็นระยะนี้ประมาณ 3-7 วัน ไม่ค่อยมีอาการเฉพาะบางรายมีอาการชักได้ โดยเฉพาะเด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน โดยมีอาการไข้ขึ้นสูงและอาการต่าง ๆ ข้างต้น เมื่อได้รับยาลดไข้ไข้ก็จะลดลงและสูงกลับขึ้นมาใหม่หลังจากหมดฤทธิ์ยา ส่วนมากในระยะนี้จะไม่มีอาการรุนแรงถ้าไม่มีเลือดออก ผู้ป่วยจะซึม และเบื่ออาหาร ระยะนี้สามารถตรวจพบไวรัสแดงกีในเลือด ถ้ามียุงมากัดผู้ป่วยระยะนี้ ยุงก็จะเป็นพาหะของโรค ระยะนี้แพทย์สามารถตรวจพบจุดเลือดได้โดนการรัดแขน ในช่วงฤดูระบาด หากลูกมีไข้สูงหลายวัน พ่อแม่ควรพาพบแพทย์
- ระยะวิกฤต (3 วันอันตราย อาจช็อคได้) จะเกิดขึ้นในผู้ป่วยหลังจากที่อาการไข้ลดลงหลังจากมีไข้หลายวัน จะมีอาการรั่วของน้ำเหลืองออกนอกเส้นเลือด ทำให้เกิดอาการสูญเสียน้ำหรือเลือดออกจากร่างกาย ส่งผลให้ความดันต่ำจนเกิดอาการช็อค มีอาการกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้อวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลว จนถึงเสียชีวิตได้ ในบางรายจะมีเลือดออกมาก โดยเฉพาะทางเดินอาหาร ระยะนี้ใช้เวลา 1-2 วัน
- ระยะฟื้นตัว ส่วนมากผู้ป่วยจะเข้าสู่ระยะนี้ทันทีหลังจากระยะไข้ขึ้นสูง หรืออาจเข้าสู่ระยะวิกฤตแล้ว 1-2 วัน แล้วถึงเข้าสู่ระยะนี้ ผู้ป่วยสามารถทานอาหารได้ และมีผื่นแดงวงขาวตามลำตัว คันตามฝ่ามือฝ่าเท้า ระยะนี้แสดงว่าผู้ป่วยกำลังจะหายจากโรคเป็นระยะปลอดภัย
การรักษาโรคไข้เลือดออก
ระยะไข้สูง ผู้ป่วยจะมีเลือดออกเกือบตลอดเวลา การรักาคือให้ยาพาราเซตตามอล เช็ดตัวลดไข้ ไม่ควรให้ยาลดไข้ชนิดอื่น เช่น แอสไพริน เพราะจะทำให้มีเลือดออกเพิ่มากขึ้น ถ้ามีอาการคลื่นไส้อาเจียน ให้ยาลดการคลื่นไส้อาเจียนได้ ให้น้ำเกลือแร่ ในระยะนี้สามารถดูแลเองที่บ้านได้. ถ้ามีอาการปวดท้องมาก อาเจียนมากหรืออาเจียนเป็นเลือด ซึมลง มีเลือดออกมาก ให้รีพพาไปโรงพยาบาล
ระยะไข้พ่อแม่ผู้ปกครองมักสงสัยว่าบุตรหลานหรือลูกน้อยเป็นไข้เลือดออกหรือไม่ ซึ่งไม่สามารถบอกได้ในช่วงแรกนอกจากทำการตรวจเลือด แต่ถึงแม้ว่าเป็นไข้เลือดออกในระยะแรก การดูแลรักษาทำได้เพียงรักษาทั่วไป ในระยะ 1-2 วันแรก ถ้าภายใน 3-4 วันไข้ไม่ลง ยังมีอาการเบื่ออาหาร และซึมลง ควรรีบมาพบแพทย์ แพทย์อาจให้สังเกตอาการอย่างใกล้ชิดที่โรงพยาบาลหลังจากตรวจร่างกายและตรวจค่าเกล็ดเลือด ถ้าเกล็ดเลือดเริ่มต่ำ
ถ้าไข้ลดลงและมีอาการดีขึ้น สามารถทานอาหารได้ มีผื่นแดงคัน แสดงว่าผู้ป่วยกำลังจะหายจากโรค แต่ถ้าผู้ป่วยเริ่มไข้ลดลง แต่ดูซึม มือเท้าเย็น กระสับกระส่าย ผู้ป่วยกำลังเข้าสู่ระยะวิกฤต ควรรีบพบแพทย์ เพราะต้องได้รับน้ำเกลือและดูแลอย่างใกล้ชิด ต้องได้รับดูระดับความเข้มข้นของเลือดและระดับเกล็ดเลือดโดยการเจาะเลือดบ่อย ๆ ถ้ามีอาการมากอาจต้องเข้าหอผู้ป่วยวิกฤต
วิธีป้องกัน
- ไม่ให้ยุงลายกัด
- กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ไม่ให้มีน้ำขังในภาชนะ มีฝาปิดที่ใส่น้ำ
- ฉีดวัคซีน
โรคไข้เลือดออกมีการระบาดเป็นช่วง ๆ โรคนี้มีระดับความรุนแรงตั้งแต่ไม่มีอาการจนถึงรุนแรงถึงเสียชีวิต ส่วนใหญ่เป็นแบบไม่รุนแรง ควรตรวจดูอาการว่าจะรุนแรงหรือไม่ เช่น ซึมลง ปวดท้อง อาเจียน มีเลือดออก ซึ่งต้องดูแลอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์ การป้องกันคือไม่ให้ยุงลายกัด ในช่วงไข้เลือดออกระบาด หากเด็กมีอากรไข้สูงหลาย ๆ วัน พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาลูกพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที ถ้ามีประกันสุขภาพเด็กให้ลูกก็จะเป็นการแบ่งเบาภาระค่ารักษาไข้เลือดออกให้คุณพ่อคุณแม่ได้ไม่มากก็น้อย เนื่องจากไข้เลือดออกต้องใช้การรักษาในโรงพยาบาลหลายวัน และอาจต้องเข้ารับหารรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤตซึ่งจะต้องใช้เงินค่ารักษาจำนวนมาก ดังนั้นทำประกันสุขภาพให้ลูกน้อยไว้แต่เนิ่น ๆ ก่อนจะเกิดการป่วยดีกว่า