โอมิครอน ในเด็กรุนแรงกว่าผู้ใหญ่
แพทย์ทั้งในไทยและต่างประเทศต่างให้ความเห็นว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธ์ใหม่ โอมิครอน สามารถสร้างความรุนแรงในเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ได้มากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ผู้ปกครองควรระวังบุตรหลาน โอมิครอน ในเด็กจะรุนแรงกว่าอย่างไร และจะสามารถป้องกันได้อย่างไร เรามาดูกัน
จากข้อมูลเบื้องต้นของแอฟริกาใต้ ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ โอมิครอน จะมีอัตราการป่วยจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลน้อยกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ก่อนหน้า ทั้งสายพันธุ์ จี, เบต้า และเดลต้า ในประชากรผู้ใหญ่
แต่โอมิครอน มีผลทำให้ประชากรวัยเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี มีอัตราการป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาลสูงกว่าทั้งสายพันธุ์จี และเดลต้า อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียวข้อมูลเบื้องต้นยังไม่มีข้อสรุป ต้องรอข้อมูลจากประประเทศอื่น ๆ ก่อน
โอมิครอนสามารถทำให้เดิการติดเชื้อซ้ำได้มากกว่าสายพันธุ์อื่นถึง 2.4 เท่า
อาการ โอมิครอน ในเด็ก
อาการของโอมิครอนในเด็กและผู้ใหญ่ไม่ต่างกัน มีดังนี้
- อุณหภูมิสูง
- เบื่ออาหาร
- ไอมากเกิน 1 ชั่วโมง หรือไอ 3 ครั้ง ขึ้นไปใน 24 ชั่วโมง
- เจ็บคอ
- คัดจมูก น้ำมูกไหล
- ปวดหัว
- สูญเสียการรับกลิ่นหรือรส
- ปวดเมื่อยตามร่างกายหรือมีอาการล้า
ข้อมูลของเด็กที่ได้รับการรักษาในอังกฤษนั้น อาการของไวรัสโควิดแตกต่างกับโอไมครอนประมาณ 15% โดยเด็กที่ติดโอมิครอนจะมีอาการผื่นขึ้น และมีความเหนื่อยล้า ปวดหัว เบื่ออาหาร ซึ่งคล้ายกับอาการที่พบในผู้ใหญ่
วิธีป้องกันโอไมครอนในเด็ก
ผู้ปกครองควรสอนให้เด็กรู้จักวิธีป้องกันโอมิครอนอย่างถูกต้อง และเคร่งครัด ดังนี้
- สวมหน้ากากอนามัยที่ได้มาตราฐาน หน้ากากต้องแนบสนิทกับใบหน้าโดยเฉพาะดั้งจมูก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ตา จมูก และปาก การลูบหน้า ขยี้ตาแคะจมูก สามารถทำให้เชื่อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น
- ล้างมือบ่อย ๆ โดยใช้สบู่หรือแอลกอฮอร์พกพาติดตัวไว้เสมอ
- รักษาระยะห่าง เว้นระยะอย่างน้อย 1.5 เมตร งดการเล่นกับเพื่อนในระยะประชิด
- หลี่กเลี่ยงสถานที่อับอากาศไม่ถ่ายเท ไม่ควรไปในสถานที่แออัด และสถานที่เสี่ยงดารติดโควิด-19
- สังเกตอาการละระมัดระวังอยู่เสมอ หากบุตรหลานมีอาการไอ มีไข้หวัด ให้พาไปพบแพทย์
วัคซีนป้องกันโอมิครอน
ต้องให้วัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม ให้กับประชากรหมู่มากให้ได้เร็วที่สุด และควรได้รับการกระตุ้นเข็ม 3 ในกลุ่มคนที่ได้รับ เข็ม 2 มาแล้วอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานให้สูงขึ้น รองรับสายพันธุ์โอมิครอน
ส่วนประชากรกลุ่มเด็กต้องรอให้องค์การอาหารและยา อนุมัติวัคซีนให้เร็วที่สุด เพื่อให้ครอบคลุมประชากรกลุ่มใหญ่ของประเทศ